Tag: สุนัข
-
สัตว์เลี้ยง กินน้ำน้อยสุขภาพไม่ดีทำอย่างไร วิธีนี้ช่วยได้ทั้งน้องแมวและน้องหมา
ปัญหาใหญ่ที่สร้างความลำบากใจสำหรับคนที่รักน้องหมาน้องแมวเป็นชีวิตจิตใจ นั่นก็คือปัญหาที่เหล่าบรรดาสัตว์เลี้ยงของเรานั้นกินน้ำได้น้อยมาก ในบางครั้งบางวันก็ดื่มน้ำน้อยเสียจนมีอาการตัวร้อนบ้าง รวมไปถึงอาการอ่อนเพลีย เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างเราต่างกลุ้มใจ แต่คุณเชื่อไหมว่าวิธีการที่ดีที่สุดนั้นก็มีอยู่ ในการแก้ปัญหาเหล่านี้จากทางผู้ที่มีความเชี่ยวชาญกับการดูแลอย่างเหมาะสม คุณสามารถทำตามวิธีการเหล่านี้ได้โดยตรง จะสามารถช่วยกระตุ้นให้น้องหมาน้องแมวของคุณดื่มน้ำมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน พยายามเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ ให้สะอาดอยู่เสมอ ในบางครั้งในช่วงอากาศที่เย็นจัดหรือร้อนจัด น้องแมวและน้องหมานั้นจะมีความรู้สึกในเบื่อดื่มน้ำจากถ้วยเดิมๆ อยู่บ่อยครั้ง วิธีนี้จะทำให้กระตุ้นความอยากเพิ่มเติมได้มากและยังสามารถช่วยรักษาเกี่ยวกับความสะอาดไม่ให้ถ้วยน้ำของน้องแมวหรือน้องหมาสกปรก ขอแนะนำให้เปลี่ยนทุก 12 ชั่วโมง หรือ 6 ชั่วโมงได้ก็จะดีมากๆ เลย การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใส่น้ำให้ดูสนุก วิธีนี้จะได้ผลดีมากกับน้องแมวหรือน้องหมาที่ขี้เล่น นั่นก็คือใช้ถ้วยจานน้ำพุ ที่มีความสวยงามและเคลื่อนไหว จะสามารถช่วยทำให้น้องแมวน้องหมานั้นรู้สึกเพลิดเพลินใจได้มากในการดื่มน้ำ จะทำให้หันมาดื่มน้ำบ่อยมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนสำหรับน้องหมาที่ตัวโต คุณอาจจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเป็นใส่น้ำแข็งก้อนลงไปด้วย สิ่งนี้จะสามารถช่วยทำให้น้องหมาของคุณดื่มน้ำได้มากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มความสนุกสนานและทำให้การดื่มน้ำของพวกเขาไม่น่าเบื่อ รับประกันได้ว่าช่วยได้100% พยายามเพิ่มอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำเข้าไปในมื้อหลัก สิ่งที่หลายคนนั้นอาจจะคาดไม่ถึง นั่นก็คือการเพิ่มเติมน้ำซุปหรือเมนูอาหารที่เกี่ยวกับน้ำวางไว้ข้างๆ กับเมนูหลักที่เขากินเป็นประจำ สิ่งนี้ก็จะสามารถช่วยทำให้เขาดื่มน้ำเหล่านั้นเพิ่มเติมได้ได้รับความนิยมมากๆ ในเหล่าสัตว์เลี้ยง จะสามารถช่วยเพิ่มระบบการย่อยและทำให้การรับประทานอาหารนั้นดีมากยิ่งขึ้น ใช้ระยะเวลาการรับประทานมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย สรุป แน่นอนว่าวิธีการเหล่านี้ใช้ได้ผลจริงกับน้องแมวและน้องหมา คนส่วนใหญ่อาจที่จะยังไม่ค่อยรู้ว่าวิธีการเหล่านี้สามารถช่วยเหลือสุนัขและน้องเหมียวของคุณได้ อยากที่จะแนะนำให้คุณลองนำไปใช้งานกับสัตว์เลี้ยงสุดรักของคุณดู ในช่วงเวลาที่เริ่มจะมีปัญหาเกี่ยวกับการดื่มน้ำที่น้อยลง จะช่วยทำให้สุนัข รวมไปถึงน้องแมวของคุณห่างไกลโรคภัยและสุขภาพดีมากยิ่งขึ้นได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
-
ดูแลน้องหมา อาบน้ำเดือนละครั้งเพื่อสุขภาพขนสวยและผิวหนังแข็งแรง
สุนัขเรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่สื่อสัตย์มากสำหรับชาวขี้เหงาอย่างเราๆ บ้านไหนเลี้ยงน้องไว้เป็นเพื่อน บางบ้านเลี้ยง เรียกเป็นลูกรักเลยทีเดียว เราอดได้ แต่น้องหมาเราห้ามอด เป็นมุขตลกที่รู้กันในวงคนเลี้ยงน้องหมา ขนมน้องแพงกว่าขนมเรา เลี้ยงสุนัขได้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น ความรักที่เราได้รับ น้องช่วยใก้เราไม่เหงา และ ยังเหมือนมีเพื่อน สุนัขเป็นสัตว์ เลี้ยงที่ฉลาด สื่อสัตย์ รักเจ้าของ แม้จะเป็นหมาพันธุ์ทาง หรือสุนัขพันธุ์ก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ในแบบของเขาเอา วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการอาบน้ำให้น้องกันดีกว่า เพราะว่า สุนัขนั้นควรจะอาบน้ำแบบเราๆนี่แหละแต่อาบเองก็ต้องดูแลให้ แห้งดีเมื่อเป่าขนไม่นั้นอาจจะเป็นเชื้อราได้ง่าย มือใหม่ไม่ต้องอาบบ่อยเดือนละครั้งก็ได้ ถ้าน้อง ผิวบางแพ้ง่ายอาบแล้วชอบขนล่วงก็ 3 เดือนอาบครั้ง หรือ อาบแบบแห้งจะดีที่สุด การอาบน้ำสุนัขเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพและความสะอาดของสุนัข ไม่เพียงแต่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ยังช่วยป้องกันโรคผิวหนังอีกด้วย นี่คือขั้นตอนการอาบน้ำสุนัขที่ง่ายและสะดวก ก่อนอื่นั้นให้เราเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำน้องๆกันก่อน แชมพูสุนัขเลือกแชมพูที่เหมาะกับประเภทขนและผิวหนังของสุนัขใช้น้ำอุ่น ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไปผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวหลังอาบน้ำหวีหรือแปรงสำหรับแปรงขนก่อนและหลังอาบน้ำ ก่อนอาบน้ำ ควรแปรงขนเพื่อขจัดขนที่หลุดร่วงและป้องกันไม่ให้ขนพันกันใช้ที่จับหรือสายจูงถ้าสุนัขไม่คุ้นเคยกับการอาบน้ำ ควรใช้ที่จับเพื่อควบคุมเขา ปรับอุณหภูมิของน้ำเปิดน้ำให้อุ่นพอประมาณ แล้วใช้ฝักบัวหรือถังตักน้ำรดน้ำจากบริเวณหลังไปยังหัว เพื่อไม่ให้สุนัขตกใจ เทแชมพูลงบนขนและนวดให้ทั่วตัว โดยหลีกเลี่ยงการเข้าตาและหูล้างน้ำจนแชมพูออกหมด เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวหนัง ใช้ผ้าขนหนู เช็ดตัวให้แห้งโดยเบา ๆ และดูดซับน้ำออกจากขนเป่าขน (ถ้าจำเป็น) ถ้าสุนัขไม่กลัวเสียง สามารถใช้ไดร์เป่าผมที่มีอุณหภูมิต่ำ เพื่อเป่าขนให้แห้งให้รางวัลหลังการอาบน้ำ…
-
รวมข้อมูลลับ กับการสื่อสารของน้องหมาที่คุณรัก
การที่พวกเราสามารถทำความเข้าใจในความหมายของน้องหมาได้นั้น เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าน้องหมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความพิเศษสุดๆ ทั้งนี้พวกเขานั้นสามารถสื่อสาร และเข้าใจในภาษาของเราได้อีกด้วยนะ แต่ทว่าเพื่อนๆเชื่อไหมว่า ทุกท่านก็สามารถที่จะเรียนรู้ในภาษากายของพวกเขา ได้เช่นกัน โดยจะมีวิธีสังเกตได้จากการแสดงออกของท่าทางรวมไปจนถึงอวัยวะส่วนต่างๆ ของน้องๆ ที่จะแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหาง หู ปาก และลักษณะการสื่อสารและการแสดงออกของพวกเขานั้น ก็นับว่าเป็นเรื่องราวที่มหัศจรรย์มากเลยจริงไหมคะ ถ้าอยากรู้ความลับมากยิ่งขึ้นเชิญทางนี้เลยค่ะ How to ในการสื่อสารท่าทางของน้องหมาของคุณ น้องๆ สุนัขทุกๆสายพันธุ์ นั้นสามารถทำการสื่อสารผ่านรูปแบบเสียงและภาษากายเสียส่วนใหญ่ ที่จะออกมาในลักษณะการขู่, คำรามหรือการเห่า พร้อมท่าทางการแสดงออกต่างๆ ที่สอดคล้องกันเป็นอย่างมาก โดยสิ่งที่เพื่อนๆ จะพบเห็นอยู่เป็นประจำนั่นก็คือ การกระดิกหาง,การเห่า, การหอน และการเรียนโดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถตีความหมายได้แบบกว้างเป็นอย่างมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะทางเราได้รวบรวมความหมายของเสียงร้อง พร้อมภาษาน้องหมามาให้คุณแบบฉบับกระเป๋าแล้วที่นี่ รูปแบบการสื่อสารผ่านใบหู และดวงตา การสื่อสารที่พบได้บ่อยคือ ผ่านลักษณะใบหูและดวงตา ได้แก่ถ้าน้องหมารู้สึกสงบใบหูจะอยู่ในลักษณะเป็นธรรมชาติปกติ แต่ถ้าหากใบหูตั้งตรงแสดงว่ากำลังตื่นตัว หรือพยายามที่จะแสดงอำนาจ แต่เมื่อใดก็ตามที่ใบหูลู่ลงไปแนบกับศีรษะหลัง แสดงว่าน้องเครียด หรือกลัวโดยแววตาของน้องก็บ่งบอกอารมณ์ได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน เช่นการจ้องมองโดยตรงจะสื่อถึงอำนาจ และการควบคุมของการเป็นจ่าฝูงทั้งนี้เมื่อรู้สึกไม่มีความสุขพวกเขาก็จะหลบตาเช่นเดียวกันนั่นเองคะ รูปแบบของการสื่อสารของน้องหมา ผ่านทางปากหาง และขน น้องหมาจะใช้รูปแบบการสื่อสารในลักษณะดังต่อไปนี้ อาทิเช่น การยกหางขึ้นตรงสะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว แสดงว่าเขากำลังตื่นเต้นดีใจ แต่เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกกังวล…
-
เปิดความลับเรื่องจริงของน้องหมา ที่เจ้าของแทบไม่รู้
สำหรับ Story ของน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ในโลกใบนี้นะคะ เพื่อนๆ เชื่อไหมว่า แม้ว่าเราคิดว่าพวกเรารู้ซึ้งถึงเรื่องราวของเขาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็มักจะมีหลากหลายเรื่องราวที่ยังเป็นความลับ และเพื่อนๆ ก็ยังจะเซอร์ไพรส์กับสิ่งต่างๆ อยู่เป็นประจำจริงไหม ดิฉันจึงอยากจะขอนำความลับเกี่ยวกับเรื่องน้องหมาสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของใครหลายๆ คนมาส่งต่อให้เพื่อนๆ ได้อมยิ้ม และประทับใจกับพวกเขากันเถอะ เชิญทางนี้เลยค่า เปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับน้องๆ สุนัขทุกสายพันธุ์ที่คุณไม่รู้ ในนาทีนี้ดิฉันขอเฉลยความลับของน้องหมาที่มักเป็นเรื่องราวที่หลายคนยังไม่รู้กันดีกว่านะคะเรามาเริ่มกันเลย การมองเห็นสีที่เปลี่ยนไป ในโลกมนุษย์ของเราเพื่อนๆ หลายๆ คนอาจจะคิดว่าน้องนั้นจะสามารถมองเห็นสีสันได้เหมือนกับเรา แต่แท้ที่จริงแล้วทุกท่านทราบไหมคะว่า น้องไม่ได้มองเห็นเหมือนกับเราร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ แต่ก็ยังมองเห็นได้มากกว่าสีขาว และสีดำค่ะ เพราะน้องจะสามารถเห็นในเฉดสี สีเหลือง, สีเทาและสีน้ำเงิน ด้วยนะคะ ถึงแม้ว่าจะเป็นการมองโลกในมุมที่ไม่เหมือนกัน แต่น้องก็รักเพื่อนๆ ทุกๆ คนสุดหัวใจเลยนะคะหนูขอการันตีค่ะ น้องๆ มีจมูกที่ไม่ซ้ำกัน อีกหนึ่งเรื่องที่เพื่อนๆ จะต้องเซอร์ไพรส์กันจริงๆ ค่ะ เพราะจมูกของสุนัขนั้นมีลายที่ไม่ซ้ำกันเหมือนกับลายนิ้วมือของมนุษย์เลยนะคะ โดยสิ่งนี้จะเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถใช้ระบุตัวตนที่แท้จริงของสุนัขของเพื่อนๆ ได้นั่นเอง และก็เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อเลยจริงไหมคะ ลูกสุนัขจะหูหนวกเสมอ อีกหนึ่งสตอรี่ที่ฟังดูแล้วจะน่าสงสารเป็นที่สุดเลย สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขึ้นชื่อว่ามีประสาทสัมผัสดีเลิศเหมือนน้องหมาของพวกเรา แต่เรื่องนี้เป็นแค่ชั่วคราวค่ะเพราะลูกสุนัขทุกตัวที่เกิดมานั้นจะหูหนวก และเริ่มที่จะได้ยินเสียงในช่วงของ 2-3 สัปดาห์แรกนั่นเองค่ะ จึงมักสังเกตได้ว่าในระยะแรกที่น้องๆ…
-
ไรขี้เรื้อน ปัญหาผิวหนังของสุนัขสุดกวนใจ
โรคผิวหนังเป็นปัญหาสุขภาพที่ทำให้สุนัขของเราสูญเสียความสวยงาม และหนึ่งในโรคที่พบบ่อยคือ ไรขี้เรื้อนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สุนัขขนร่วง ผิวหนังแดงและเกิดอาการคันอย่างรุนแรง โดยโรคนี้จะมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ไรขี้เรื้อนแห้งและไรขี้เรื้อนเปียก โดยจะมีสาเหตุและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป ดังนี้ โรคไรขี้เรื้อนแห้ง โรคไรขี้เรื้อนแห้งเกิดจากไรขี้เรื้อนซาร์คอพเตส (Sarcoptes spp.) สุนัขที่ติดเชื้อจะมีอาการคันมาก ทำให้เกิดการเกาผิวหนังอย่างรุนแรง ส่งผลให้ขนร่วงและผิวหนังอักเสบ ลักษณะผิวจะหนาและแห้งคล้ายหนังช้าง พบบ่อยในบริเวณขอบใบหู ใต้ท้อง ข้อศอกและข้อเท้าของขาหลัง การตรวจโรคนี้จะทำด้วยการขูดตรวจผิวหนังระดับตื้น ๆ เพื่อหา ไรขี้เรื้อนซาร์คอพเตส หรือใช้วิธีการทดสอบ pinna-pedal reflex โดยการบีบปลายหูของสุนัข หากสุนัขยกขาข้างเดียวกับหูที่ถูกบีบขึ้นมาเกา ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้ โรคไรขี้เรื้อนแห้งสามารถติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์อื่น ๆ ดังนั้นหากตรวจพบว่าสุนัขมีการติดเชื้อก็ควรแยกเลี้ยงไว้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจะดีกว่า โรคไรขี้เรื้อนเปียกหรือไรขี้เรื้อนขุมขน โรคไรขี้เรื้อนเปียกหรือไรขี้เรื้อนขุมขน เกิดจากไรขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์ (Demodex spp.) ไรชนิดนี้อาศัยอยู่ในรูขุมขนของสุนัข โดยปกติจะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ถ้าสุนัขมีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ จะทำให้ไรขี้เรื้อนเจริญเติบโตมากเกินไปและก่อให้เกิดโรคผิวหนัง อาการของโรคนี้คือขนร่วง ผิวหนังเยิ้มแฉะ มีกลิ่นตัวแรงและอักเสบรุนแรง โดยเฉพาะในบริเวณเท้า หน้า และรอบดวงตา โรคนี้จะไม่ทำให้สุนัขคัน ยกเว้นว่ามีการติดเชื้ออื่น ๆ…
-
โรคพยาธิหนอนหัวใจ ภัยร้ายกับเพื่อนสี่ขาที่ควรระวัง
โรคพยาธิหนอนหัวใจ (Heartworm disease) เป็นโรคที่มีสาเหตุจากพยาธิชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Dirofilaria immitis ซึ่งเป็นพยาธิชนิดหนอนกลมที่อาศัยอยู่ในหัวใจและหลอดเลือดในปอดของสัตว์ โรคนี้แพร่กระจายผ่านยุงที่กัดสัตว์แล้วถ่ายพยาธิสู่สัตว์ตัวอื่น โดยโรคนี้จะมีอันตรายและผลกระทบต่อหัวใจและปอดของสัตว์เลี้ยงอย่างมาก แถมยังสามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ไต ตา และระบบประสาทส่วนกลางได้ด้วย หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจเกิดอาการแทรกซ้อนหลายอย่างและสามารถทำให้เสียชีวิตได้ อาการของโรคพยาธิหนอนหัวใจ อาการของโรคพยาธิหนอนหัวใจมักจะเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายและยากที่จะสังเกตเห็นในช่วงระยะแรก แต่เมื่อพยาธิหนอนหัวใจเพิ่มจำนวนขึ้น อาการก็จะชัดเจนขึ้น โดยจะเริ่มจากอาการ คัน ซึม เบื่ออาหาร หอบ เหนื่อยง่าย ไอแห้ง เป็นลม บวมน้ำ ท้องแข็ง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจล้มเหลว หายใจลำบาก ซึ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการเช่นนี้ติดต่อกันเกินสองวันก็ควรพามาให้แพทย์ตรวจร่างกายได้แล้ว เนื่องจากหากทิ้งไว้นานความเสียหายต่ออวัยวะภายในอาจเกิดขึ้นอย่างถาวรแล้ว สัตว์อะไรมีความเสี่ยงบ้าง? โรคพยาธิหนอนหัวใจพบได้ในทุกภูมิภาคของไทย โดยเฉพาะในบริเวณที่มียุง เช่น พื้นที่ที่ติดป่าเขาและหนองน้ำขัง โดยจะพบได้บ่อยในสุนัขแต่นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็สามารถติดเชื้อนี้ได้ เช่นกัน ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งจะมีความเชื่อว่าแมวต้านทานต่อการ ติดเชื้อ แต่การศึกษาล่าสุดพบว่าแมวเองก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับสุนัขได้เหมือนกัน การวินิจฉัยโรคพยาธิหนอนหัวใจ โรคพยาธิหนอนหัวใจสามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือด ซึ่งสามารถทราบผลภายในไม่กี่นาที หากพบสัญญาณของการติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพิ่มเติม เอ็กซ์เรย์…
-
ทำความรู้จักกับสุนัขพันธุ์อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย
อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย (American Pitbull Terrier) เป็นสุนัขที่มีรูปร่างกำยำ แข็งแรงและเป็นที่รู้จักในความกล้าหาญเป็นอย่างดี แต่หลายคนก็อาจมีความเข้าใจผิดว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มีนิสัยดุร้าย ซึ่งในความเป็นจริง พิทบูลสามารถเป็นสัตว์เลี้ยงที่รักเจ้าของ ซื่อสัตย์และขี้เล่นได้หากได้รับการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม ประวัติและพัฒนาการของสายพันธุ์ พิทบูลเป็น สุนัข ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างเทอร์เรียและบูลด็อกในศตวรรษที่ 19 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้ในการล่อกระทิงในกีฬาต่าง ๆ ในช่วงเวลานั้น ความกล้าหาญและความทรหดของพิทบูลทำให้มันได้รับความนิยม แต่หลังจากสงครามโลกสุนัขพันธุ์นี้ก็ถูกพัฒนาสายพันธุ์ให้มีนิสัยอ่อนโยนและเหมาะสมกับการเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวมากขึ้นกว่าเดิม ลักษณะทางกายภาพ พิทบูลมีขนสั้นและเนียนเรียบ ส่วนใหญ่มีขนาดลำตัวที่กำยำและแข็งแรง ความสูงเฉลี่ยของพิทบูลอยู่ระหว่าง 46-61 เซนติเมตรและมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 14-27 กิโลกรัม ขนของ พิทบูล มีหลายสี เช่น สีดำ ขาว น้ำตาล และเทา ทั้งยังมีหลากหลายลายอีกด้วย นิสัยและการเลี้ยงดู หลายคนอาจสงสัยว่าสุนัขพันธุ์นี้ดุร้ายหรือไม่? ถึงแม้พิทบูลจะมีสัญชาติญาณของความกล้าหาญจากอดีต ซึ่งทำให้มันแสดงออกถึงความเป็นผู้นำกับสัตว์ตัวอื่น แต่สำหรับเจ้าของและครอบครัว พิทบูลกลับเป็นสุนัขที่รักใคร่และซื่อสัตย์อย่างยิ่ง หากได้รับการฝึกตั้งแต่เด็ก พวกมันจะเป็นสุนัขที่สุขุมและอ่อนโยนได้ไม่แพ้สุนัขพันธุ์อื่น ๆ แต่หากได้รับการฝึกมาไม่เหมาะสม เช่น ถูกฝึกให้เห่าและไล่กัดคนแปลกหน้า ถูกขังและละเลย ไม่ถูกสอนให้ควบคุมอารมณ์เวลาตื่นเต้นหรือกลัวเกินไป ก็จะทำให้พิทบูลซึ่งมีร่างกายแข็งแรงนั้นดูอันตรายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ…