Tag: ดูแลสัตว์
-
วิธีการดูแลน้องแมวในหน้าฝน เพื่อตัวน้อยขนฟูที่บ้านเลยนะ
สำหรับใครที่มีเจ้าเหมียวอยู่ในความครอบครองนะคะ ในฤดูฝนยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลน้องๆ ตัวเล็กกันเป็นอย่างดีเลยคะ เพราะว่าในซีซันนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับเจ้าตัวเล็กขนฟูของเรา เพื่อเป็นการป้องกันโรคและรักษาสุขภาพของน้องแมวสุดรักสุดหวงจริงไหมคะ ถ้าความเห็นตรงกันแล้วเชิญทางนี้ได้เลย เรามีวิธีแนะนำให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามกันอย่างง่ายๆ ทางนี้เลยนะคะ ลดการอาบน้ำน้องเหมียว อันดับแรกกับสิ่งที่ต้องทำนั่นก็คือ ควรจะลดการอาบน้ำในฤดูนี้ และไม่ควรอาบน้ำบ่อย ด้วยเหตุผลที่ว่าอาจจะทำให้ผิวน้องแห้ง และเกิดเชื้อราได้ มิฉะนั้นเพื่อนๆ อาจจะต้องเสียค่ายาในการรักษาน้องแมวสุดหวงของคุณอีกด้วยนะ การทำความสะอาดที่นอน แน่นอนเลยว่าความสะอาดจะต้องเป็นเรื่องที่มาอันดับ 1 เพื่อนๆ สุภาพสตรีควรทำความสะอาดที่นอนน้องเหมียว และทำการตากแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการลดความชื้น และยับยั้งเชื้อโรคนั่นเอง เพียงแค่นี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้น้องแมวของคุณสุขภาพดีแล้วละค่ะ ทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรค อีกหนึ่งสิ่งที่สาวกของน้องเหมียวควรจะปฏิบัติ นั่นก็คือควรพาน้องขนฟูไปให้วัคซีนป้องกันโรคเพื่อความปลอดภัยของตัวน้อง และตัวของเราเองนะคะ ทำการเช็ดตัวเป็นประจำ เมื่อน้องแมวเปียกฝน น้องแมวของทุกๆ บ้านนั้นควรจะต้องทำการเช็ดขน และเท้า ให้แห้งทุกครั้งหลังกลับจากการออกผจญภัยตามสัญชาตญาณข้างนอก เพราะจะทำให้น้องแมวมีสุขภาพดียิ่งขึ้น และไม่เป็นหวัดง่ายนั่นเอง ข้อพึ่งระวังเรื่องน้องแมวเป็นหวัด เพื่อนๆ สาวกเหมียวๆ ทราบไหมว่าสำหรับน้องแมวก็ยังมีโรคหวัดแมวอีกด้วยนะเพราะเป็นเชื้อไวรัสเฉพาะในแมวได้แก่ Feline Herpesvirus (FCV ) และทางด้าน Feline Caici Virus (FCV ) เท่านั้นยังไม่พอยังอาจจะมีอาการติดเชื้อเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ ร่วมอีกด้วยนะคะ โดยเฉพาะโรคหวัดแมวนั้นสามารถเกิดได้ในน้องแมวทุกเพศทุกวัย แต่จะมีอาการรุนแรงในลูกแมวและแมวที่อ่อนแอ…
-
ทำไมหมาถึงไม่ควรกินอาหารแมว?
หลายคนอาจสงสัยว่าสามารถให้น้องหมากินอาหารแมวได้หรือไม่ เพราะบางบ้านเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวพร้อมกัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาให้อาหารก็อาจมีความสะดวกที่จะให้อาหารแบบเดียวกันไปเลย แต่การให้น้องหมากินอาหารแมวจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แม้ว่าหมาจะชอบแอบกินอาหารของแมวอยู่บ่อย ๆ แต่มีเหตุผลที่ควรหลีกเลี่ยงการให้น้องหมากินอาหารแมวในระยะยาว ทำไมหมาชอบกินอาหารแมว? อาหารของน้องแมวโดยธรรมชาติจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ยั่วใจหมา เนื่องจากแมวเป็นสัตว์กินเนื้อเพียงอย่างเดียว (True Carnivorous) ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องการโปรตีนในปริมาณสูง ในทางตรงกันข้าม สุนัขเป็นสัตว์กินทั้งพืชและเนื้อ (Omnivorous) ทำให้ความต้องการโปรตีนของพวกเขาน้อยกว่าแมว ดังนั้น อาหารแมวจึงมีปริมาณโปรตีนและไขมันสูงกว่า ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาชอบขโมยกินอาหารแมว ผลกระทบต่อสุขภาพหากน้องหมากินอาหารแมว แม้ว่าการกินอาหารแมวบ้างเป็นครั้งคราวอาจไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของน้องหมามากนัก แต่หากน้องหมากินอาหารแมวเป็นประจำในระยะยาว อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนี้ ปัญหาเกี่ยวกับไตและระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โปรตีนในอาหารแมวมีปริมาณสูงมาก ซึ่งอาจทำให้ไตของสุนัขทำงานหนักเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคไตหรือนิ่ว นอกจากนี้ยังอาจทำให้ขาดสมดุลของแร่ธาตุบางชนิดที่จำเป็นสำหรับสุนัขได้ เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน อาหารแมวมีไขมันสูง เมื่อสุนัขกินเข้าไปบ่อย ๆ จะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะในลูกสุนัขที่ได้รับโปรตีนและไขมันมากเกินไป อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต ทำให้ร่างกายไม่สมส่วนและทำให้รูปร่างผิดปกติได้ วิธีป้องกันไม่ให้น้องหมากินอาหารแมว เพื่อลดความเสี่ยงในการที่น้องหมาจะกินอาหารแมว เราสามารถใช้วิธีเหล่านี้เพื่อป้องกันได้ เก็บอาหารแมวให้ปลอดภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอาหารสำเร็จรูปสำหรับแมวถูกเก็บในที่ที่สุนัขไม่สามารถเข้าถึงได้ เปลี่ยนตำแหน่งการให้อาหารแมว ให้อาหารแมวในที่สูง ซึ่งสุนัขไม่สามารถปีนขึ้นไปถึงได้ ห้ามเมื่อเห็นสุนัขจะกินอาหารแมว การเตือนหรือฝึกให้สุนัขรู้ว่าไม่ควรกินอาหารแมวเป็นสิ่งสำคัญ เปลี่ยนเวลาให้อาหาร ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองกินอาหารในเวลาที่แตกต่างกัน เพื่อลดโอกาสที่สุนัขจะกินอาหารแมว…
-
ไรขี้เรื้อน ปัญหาผิวหนังของสุนัขสุดกวนใจ
โรคผิวหนังเป็นปัญหาสุขภาพที่ทำให้สุนัขของเราสูญเสียความสวยงาม และหนึ่งในโรคที่พบบ่อยคือ ไรขี้เรื้อนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สุนัขขนร่วง ผิวหนังแดงและเกิดอาการคันอย่างรุนแรง โดยโรคนี้จะมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ไรขี้เรื้อนแห้งและไรขี้เรื้อนเปียก โดยจะมีสาเหตุและวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป ดังนี้ โรคไรขี้เรื้อนแห้ง โรคไรขี้เรื้อนแห้งเกิดจากไรขี้เรื้อนซาร์คอพเตส (Sarcoptes spp.) สุนัขที่ติดเชื้อจะมีอาการคันมาก ทำให้เกิดการเกาผิวหนังอย่างรุนแรง ส่งผลให้ขนร่วงและผิวหนังอักเสบ ลักษณะผิวจะหนาและแห้งคล้ายหนังช้าง พบบ่อยในบริเวณขอบใบหู ใต้ท้อง ข้อศอกและข้อเท้าของขาหลัง การตรวจโรคนี้จะทำด้วยการขูดตรวจผิวหนังระดับตื้น ๆ เพื่อหา ไรขี้เรื้อนซาร์คอพเตส หรือใช้วิธีการทดสอบ pinna-pedal reflex โดยการบีบปลายหูของสุนัข หากสุนัขยกขาข้างเดียวกับหูที่ถูกบีบขึ้นมาเกา ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคนี้ โรคไรขี้เรื้อนแห้งสามารถติดต่อได้ทั้งคนและสัตว์อื่น ๆ ดังนั้นหากตรวจพบว่าสุนัขมีการติดเชื้อก็ควรแยกเลี้ยงไว้เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจะดีกว่า โรคไรขี้เรื้อนเปียกหรือไรขี้เรื้อนขุมขน โรคไรขี้เรื้อนเปียกหรือไรขี้เรื้อนขุมขน เกิดจากไรขี้เรื้อนดีโมเด็กซ์ (Demodex spp.) ไรชนิดนี้อาศัยอยู่ในรูขุมขนของสุนัข โดยปกติจะไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ถ้าสุนัขมีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ จะทำให้ไรขี้เรื้อนเจริญเติบโตมากเกินไปและก่อให้เกิดโรคผิวหนัง อาการของโรคนี้คือขนร่วง ผิวหนังเยิ้มแฉะ มีกลิ่นตัวแรงและอักเสบรุนแรง โดยเฉพาะในบริเวณเท้า หน้า และรอบดวงตา โรคนี้จะไม่ทำให้สุนัขคัน ยกเว้นว่ามีการติดเชื้ออื่น ๆ…
-
เตรียมพร้อมพาสุนัขไปเดินเล่น
การพาสุนัขไปเดินเล่นนอกบ้านเป็นกิจกรรมที่สำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยให้สุนัขได้ออกกำลังกายและระบายพลังงาน แต่ยังเป็นโอกาสที่ทำให้สุนัขได้สำรวจสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ พัฒนาสมองและสังคมร่วมกับสิ่งรอบตัว การเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การเดินเล่นเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยสำหรับทั้งสุนัขและเจ้าของ ต่อไปนี้คืออุปกรณ์ที่ควรเตรียมให้พร้อมก่อนพาสุนัขออกไปเดินเล่น สายจูงและปลอกคอหรือสายรัดอก สายจูงและปลอกคอเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญที่สุดเมื่อพาสุนัขออกไปเดินนอกบ้าน สายจูงจะช่วยควบคุมสุนัขให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ ป้องกันไม่ให้สุนัขวิ่งไปยังที่ไม่ปลอดภัยหรือเข้าหาผู้อื่นโดยไม่ทันระวัง โดยควรเลือกสายจูงที่มีความทนทานและยาวเพียงพอให้สุนัขเคลื่อนไหวได้สะดวก สำหรับปลอกคอ ควรเลือกปลอกคอที่มีขนาดพอดีกับคอของสุนัข ไม่แน่นเกินไปเพื่อไม่ให้รัดคอสุนัขจนอึดอัด และไม่หลวมเกินไปจนสุนัขสามารถหลุดออกมาได้ นอกจากนี้ สำหรับสุนัขที่ชอบดึงสายจูง ควรพิจารณาใช้สายรัดอก (Harness) ที่ช่วยลดแรงดึงและทำให้สุนัขสบายมากขึ้น ถุงเก็บอุจจาระสุนัข การพาสุนัขออกไปเดินเล่นนอกบ้านต้องมีความรับผิดชอบในการรักษาความสะอาด ถุงเก็บอุจจาระเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรพกติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อสุนัขขับถ่ายในที่สาธารณะ เจ้าของต้องเก็บทำความสะอาดเพื่อลดปัญหาความไม่สะอาดและการแพร่กระจายของเชื้อโรค การพกถุงเก็บอุจจาระจะช่วยให้เจ้าของสามารถทำหน้าที่นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขวดน้ำและถ้วยน้ำแบบพกพา การเดินเล่นอาจใช้เวลานาน ทำให้สุนัขกระหายน้ำ การเตรียมน้ำดื่มสะอาดสำหรับสุนัขเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ควรพกขวดน้ำและถ้วยน้ำแบบพกพาที่สามารถเทน้ำให้สุนัขดื่มได้อย่างสะดวก ถ้วยน้ำแบบพกพามักมีขนาดเล็กและพับเก็บได้ ทำให้ง่ายต่อการพกพาในกระเป๋าหรือแขวนไว้กับสายจูง ของว่างหรือขนมสำหรับฝึก การพาสุนัขไปเดินเล่นเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกสุนัขให้มีระเบียบวินัยและเชื่อฟังคำสั่ง หากสุนัขทำพฤติกรรมที่ดี เช่น เดินอย่างสงบไม่ดึงสายจูงหรือหยุดตามคำสั่ง การให้ขนมหรือของว่างเป็นรางวัลจะช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมที่ดี ขนมเหล่านี้ควรเป็นขนมที่เหมาะสำหรับสุนัขและไม่ควรให้ในปริมาณที่มากเกินไป ป้ายชื่อสุนัข ในกรณีที่สุนัขหลุดจากสายจูงหรือหลงทาง การมีป้ายชื่อที่มีข้อมูลติดต่อเจ้าของจะเป็นสิ่งสำคัญ ป้ายชื่อควรมีข้อมูลพื้นฐาน เช่น ชื่อสุนัข เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของ และที่อยู่ สามารถติดไว้ที่ปลอกคอหรือสายรัดอก ป้ายชื่อจะเพิ่มโอกาสให้สุนัขสามารถกลับมาหาเจ้าของได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กันฝน หากอากาศเย็นหรือฝนตก เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์กันฝนสำหรับสุนัขอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น เสื้อผ้าช่วยรักษาความอบอุ่นให้สุนัขในช่วงที่อากาศหนาว…
-
โรคพยาธิหนอนหัวใจ ภัยร้ายกับเพื่อนสี่ขาที่ควรระวัง
โรคพยาธิหนอนหัวใจ (Heartworm disease) เป็นโรคที่มีสาเหตุจากพยาธิชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Dirofilaria immitis ซึ่งเป็นพยาธิชนิดหนอนกลมที่อาศัยอยู่ในหัวใจและหลอดเลือดในปอดของสัตว์ โรคนี้แพร่กระจายผ่านยุงที่กัดสัตว์แล้วถ่ายพยาธิสู่สัตว์ตัวอื่น โดยโรคนี้จะมีอันตรายและผลกระทบต่อหัวใจและปอดของสัตว์เลี้ยงอย่างมาก แถมยังสามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ไต ตา และระบบประสาทส่วนกลางได้ด้วย หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจเกิดอาการแทรกซ้อนหลายอย่างและสามารถทำให้เสียชีวิตได้ อาการของโรคพยาธิหนอนหัวใจ อาการของโรคพยาธิหนอนหัวใจมักจะเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายและยากที่จะสังเกตเห็นในช่วงระยะแรก แต่เมื่อพยาธิหนอนหัวใจเพิ่มจำนวนขึ้น อาการก็จะชัดเจนขึ้น โดยจะเริ่มจากอาการ คัน ซึม เบื่ออาหาร หอบ เหนื่อยง่าย ไอแห้ง เป็นลม บวมน้ำ ท้องแข็ง กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หัวใจล้มเหลว หายใจลำบาก ซึ่งเมื่อสัตว์เลี้ยงมีอาการเช่นนี้ติดต่อกันเกินสองวันก็ควรพามาให้แพทย์ตรวจร่างกายได้แล้ว เนื่องจากหากทิ้งไว้นานความเสียหายต่ออวัยวะภายในอาจเกิดขึ้นอย่างถาวรแล้ว สัตว์อะไรมีความเสี่ยงบ้าง? โรคพยาธิหนอนหัวใจพบได้ในทุกภูมิภาคของไทย โดยเฉพาะในบริเวณที่มียุง เช่น พื้นที่ที่ติดป่าเขาและหนองน้ำขัง โดยจะพบได้บ่อยในสุนัขแต่นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็สามารถติดเชื้อนี้ได้ เช่นกัน ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งจะมีความเชื่อว่าแมวต้านทานต่อการ ติดเชื้อ แต่การศึกษาล่าสุดพบว่าแมวเองก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับสุนัขได้เหมือนกัน การวินิจฉัยโรคพยาธิหนอนหัวใจ โรคพยาธิหนอนหัวใจสามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือด ซึ่งสามารถทราบผลภายในไม่กี่นาที หากพบสัญญาณของการติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดเพิ่มเติม เอ็กซ์เรย์…