คนที่คุ้นเคยในวงการเกมและซอฟต์แวร์ปัจจุบัน อาจเคยได้ยินคำว่า DRM-Free (Digital Rights Management-Free)
โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ คำนี้มีความหมายอย่างไร และทำไมผู้เล่นหลายคนถึงมองหาสินค้าที่มีสถานะ DRM-Free? บทความนี้จะอธิบายถึงแนวคิดของ DRM-Free และแนะนำแพลตฟอร์มที่ขายเกมในรูปแบบนี้
DRM-Free คืออะไร?
DRM หรือ Digital Rights Management คือเทคโนโลยีที่ถูกใช้เพื่อควบคุมการเข้าถึงและการใช้งานเนื้อหาดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเกม เพลง หนังสือ หรือภาพยนตร์ DRM ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ในหลายกรณีก็ทำให้ผู้ใช้งานที่ซื้อลิขสิทธิ์ถูกต้องต้องเผชิญกับข้อจำกัดบางอย่าง เช่น การต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งที่เปิดเกมหรือการล็อคการใช้งานกับอุปกรณ์เฉพาะ
ในทางตรงกันข้าม DRM-Free หมายถึงซอฟต์แวร์หรือเกมที่ไม่มีการใช้เทคโนโลยี DRM เพื่อควบคุมการใช้งาน ผู้ที่ซื้อเกมแบบ DRM-Free จะสามารถดาวน์โหลด ติดตั้ง และเล่นเกมได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือเข้าสู่ระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมการเข้าถึง เนื้อหาที่เป็น DRM-Free ยังสามารถคัดลอกหรือโอนไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างอิสระ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการข้อจำกัดเหล่านี้
ข้อดีของเกม DRM-Free
1. ความยืดหยุ่นในการใช้งาน เกม DRM-Free มอบอิสระในการใช้งานให้กับผู้เล่น สามารถดาวน์โหลดและเล่นเกมได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการยืนยันหรือเปิดเซิร์ฟเวอร์ นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งเกมบนอุปกรณ์หลายเครื่องได้โดยไม่มีข้อจำกัด
2. ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา หนึ่งในปัญหาของ DRM คือการบังคับให้ผู้เล่นเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งเพื่อยืนยันลิขสิทธิ์ แม้กระทั่งการเล่นเกมแบบออฟไลน์ก็ตาม เกมแบบ DRM-Free จะไม่มีข้อกำหนดนี้ ทำให้สามารถเล่นเกมได้ทุกที่แม้ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
3. ไม่มีความเสี่ยงเมื่อเซิร์ฟเวอร์ปิดตัว สำหรับเกมที่มี DRM หากเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมการยืนยันลิขสิทธิ์ถูกปิดตัวลง เกมอาจจะไม่สามารถเล่นได้อีกต่อไป แต่สำหรับเกมที่เป็น DRM-Free ผู้เล่นจะไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ เพราะสามารถเล่นได้ตลอดเวลาตราบใดที่ยังมีไฟล์เกมอยู่ในเครื่อง
แพลตฟอร์มที่ขายเกมในรูปแบบ DRM-Free
1. GOG.com (Good Old Games) GOG.com เป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการซื้อเกมในรูปแบบ DRM-Free โดยเน้นขายเกมทั้งเก่าและใหม่ โดยเกมทุกเกมบน GOG นั้นไม่มีการใช้ DRM ดังนั้นผู้เล่นสามารถดาวน์โหลดและเล่นเกมได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องมีการล็อคหรือข้อจำกัด GOG ยังมีการปรับปรุงเกมเก่าให้สามารถใช้งานได้บนระบบปฏิบัติการใหม่ เช่น Windows 10 ทำให้เกมคลาสสิกสามารถกลับมาเล่นได้อีกครั้ง
2. Humble Bundle แม้ว่าจะไม่ได้เน้นขายเกม DRM-Free ทุกเกม แต่แพลตฟอร์ม Humble Bundle ก็มีเกมจำนวนมากที่เป็น DRM-Free โดยเฉพาะในรูปแบบของการรวมแพ็กเกจเกมหรือ “Bundle” ที่มอบความคุ้มค่าให้กับผู้เล่นในการซื้อเกมในราคาถูก นอกจากนี้ยังมีการระบุชัดเจนว่าเกมใดเป็น DRM-Free ทำให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบได้ก่อนที่จะซื้อ
3. Itch.io Itch.io เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการสนับสนุนผู้พัฒนาอินดี้ เกมส่วนใหญ่ที่วางขายบน Itch.io เป็นเกม DRM-Free ซึ่งผู้ซื้อสามารถดาวน์โหลดไฟล์เกมและติดตั้งได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดหรือการล็อคการเข้าถึง
Leave a Reply