รีวิวหนัง Smile 2 ยิ้มสยอง 2

Smile 2 ยิ้มสยอง 2 เป็นหนังผีอีกหนึ่งเรื่องที่ดูหลอนและกลับมาพร้อมกับสไตล์ที่คงเดิมประมาณ 70% เห็นจะได้ แน่นอนว่าผู้กำกับที่ได้เข้ามารับหน้างานนี้เกี่ยวกับภาค 2 ภาคต่อของหนังของยิ้มสยอง นั่นก็คือ พาร์คเกอร์ ฟินน์ ต้องขอบอกเลยว่าเขาพยายามสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ แต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร

ตัวหนังได้กล่าวถึงเรื่องราวของนักร้องป๊อประดับโลกอย่าง สกาย ไรลีย์ ที่ได้เผชิญหน้าและมีเรื่องราวต่อเนื่องมาจากภาคแรก ความสยองขวัญและความน่าหวาดหวั่นกับเหตุการณ์เฉียดตาย ก็ยังตามหลอกหลอนเธอ ซึ่งแรงกดดันทางด้านชื่อเสียงและการไล่ล่าของฝันร้ายและอันตราย ก็ยังทำให้หนังเรื่องนี้ดูมีสไตล์เป็นของตัวเองเหมือนอย่างเช่นเคย

ตัวเรื่องและลายเส้นการดำเนินเนื้อหา 

หนังนั้นจะเชื่อมโยงตัวละครตั้งแต่เริ่มต้น จะเข้าสู่บทภาคแรก เป็นรูปแบบเกริ่นที่ก่อนจะเข้ามายังหนังเรื่องใหม่ นั้นจึงทำให้หลายๆ คนมองว่าภาค 2 นั้นควรที่จะมีอรรถรสที่แตกต่างมากกว่านี้ ในการเดินลายเส้นของเรื่องราวภาคต่อไป นั่นจึงทำให้หนังเรื่องนี้ขาดความแปลกใหม่และแนวคิดบางฉากก็อาจจะดูซ้ำซาก ในการนำเสนอเรื่องราวใน “Smile 2” นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามก็พัฒนามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฉากหลอนในความน่าหวาดกลัวและมีการ จัมพ์สแกร์ ที่แลดูน่าตื่นเต้นแต่ในบางฉาก รู้สึกเหมือนกับได้ดูหนังซ้ำจากภาคแรก มีความคล้ายคลึงอยู่หลากหลายจุด ทำให้นางเรื่องนี้มีความจำเจเช่นเดียวกัน

จุดที่หน้าชื่นชมเกี่ยวกับการแสดงและ Production 

นาโอมิ สก็อต เขานั้นนำเสนอพลังออกมาได้อย่างน่าประทับใจเกี่ยวกับการดำเนินชาต่างๆ ออกมาได้พัฒนาและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าหลายๆ คนที่เป็นนักวิจารณ์ต่างชื่นชมทางด้าน Production และการใส่เสียงรวมไปถึงดนตรีและมุมกล้องที่ทำออกมาได้คุณภาพสูงและสมบูรณ์ สามารถทำให้ตัวของภาพยนตร์นั้นสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีมากยิ่งขึ้น ทางด้านความน่ากลัวเกี่ยวกับการเจอะเจอเรื่องราวสยองขวัญในบทบาทที่มี

ข้อใดของหนังเรื่องนี้ที่ขาดหาย 

“Smile 2” มีข้อที่จะต้องพัฒนาเพิ่มเติมอยู่ นั่นก็คือตัวเนื้อเรื่องคำอธิบาย ในบางฉากก็พยายามยัดเยียดเนื้อหาให้ดูลึกลับและดูมีเรื่องราวมากจนเกินไป กว่าที่ควรจะเป็นจริง ที่ทำให้หนังเรื่องนี้   ดรอปลง จากความตื่นเต้นก็คงจะเป็นเรื่องทางด้านความมีเนื้อหาในบางจุด ที่ยัดเยียดเข้าไปเพื่อที่จะเล่าเรื่องให้ต่อเนื่องภายในรวดเดียว โดยรวมของหนังภาคนี้ ก็นับว่านำเสนอออกมาได้ดูดี แต่ก็ยังมีบางจุดที่ยังไม่เข้าตาบ้าง เป็นรูปแบบของหนังสไตล์หลอนและวางโครงสร้างเรื่องให้มีฉากที่ไม่ธรรมดา ถ้าหากปรับปรุงให้มีความสมูธได้มากกว่านี้ ก็จะเป็นอะไรที่ Perfect สุดๆ เลย