รีวิวหนัง We Live in Time เวลานั้นฉันและเธอ

หนังดังกำลังมาแรงอีก 1 เรื่อง นั่นก็คือ “We Live in Time เวลานั้นฉันและเธอ” ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นหนังรักดราม่า Comedy ที่มีความเข้มข้นทางด้านอารมณ์การนำเสนอความรู้สึกโดยรวมของนักแสดงอย่างท่วมท้นและผู้กำกับนั่นก็คือ จอห์น ครอวลีย์ ที่มีผลงานที่น่าชมและยังเคยเป็นหนึ่งในผู้ที่กำกับหนังดังอย่าง “Brooklyn” และ “Boy A”

เรียกได้ว่าคุณภาพนั้นเหลือล้นและเขาก็ยังได้นักแสดง ที่มากไปด้วยความสามารถ อาทิเช่น โทไบอัส (รับบทโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์) และ อัลมุต (รับบทโดย ฟลอเรนซ์ พิว) เข้ามาร่วมรับ โบสถ์ตัวละครแสดงนำ สามารถสร้างความรู้สึกทางด้านความรักที่ลึกซึ้งและยังใช้อารมณ์สื่อถึงความหมายของชีวิตได้เป็นอย่างดี

เนื้อเรื่อง 

สำหรับเนื้อเรื่องหนังจะกล่าวถึงทางด้านตัวละครหลัก นั่นก็คือ โทไบอัสและอัลมุต ตอนนั้นกำลังที่จะได้ก้าวเข้าไปสร้างชีวิตร่วมกัน อยู่ในช่วงเวลาชีวิตใหม่ที่เมืองใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงไกล แต่ก็ได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากข่าวร้ายเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บที่ต้องเผชิญ

ทำให้เรื่องราวของเขาทั้งสองคนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเวลาของทั้งคู่ที่มีข้อจำกัดทางด้านการอยู่ด้วยกัน กลายเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อันน้อยนิด นี่ก็คือความลึกซึ้งของหนังเรื่องนี้ ที่น่าจดจำในการนำเสนอเรื่องราว

การแสดงและการสร้างสรรค์องค์ประกอบโดยรวม 

สิ่งที่เรียกได้ว่าการแสดงที่น่าชื่นชมและลงตัว ก็คงจะต้องยกเครดิตนี้ให้กับทางด้านนักแสดงฝีมือเยี่ยมอย่าง การ์ฟิลด์ และ พิว เขานั้นสามารถถ่ายทอดอารมณ์รวมไปถึงจิตวิญญาณในการเป็นนักแสดงออกมาและสื่อได้ลึกแบบธรรมชาติ ที่ทำให้ผู้ที่ได้รับชมเข้าถึงบทบาทอย่างแท้จริง

นอกเหนือจากนี้ก็ต้องขอบอกเลยว่า ทางด้านภาพโดยรวมและมุมกล้องก็ดีไม่แพ้กัน ผู้ที่ดูแลทางด้านนี้นั่นก็คือ สจ๊วต เบนท์ลีย์ ที่มีชื่อเสียงระดับฮอลลีวูดและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ระบบเสียงเพลงประกอบที่ลึกซึ้ง ทางด้าน ไบรซ์ เดสเนอร์ ได้ลงมือในการปรับแต่งสร้างสรรค์บรรยากาศทางด้านความรักและความเศร้าภายในหนังด้วยตัวของเขาเอง

สรุปความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ 

“We Live in Time” เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งทางด้านความรักที่ไม่ได้มีพล็อตเรื่องอะไรที่แปลกใหม่ แต่เรื่องราวเหล่านี้สามารถแตกแขนงออกมากับความคลาสสิคและการนำเสนอของตัวละครที่มีพลังในการทำให้ผลงานนี้น่าจดจำในเหล่าบรรดาของผู้ประเมินหนังในฝั่งยุโรปและฝั่งเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย ได้ให้คะแนนหนังเรื่องนี้ไว้ 8.2 เต็ม 10 เป็นหนังที่น่าประทับใจและสื่ออารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน